ใครที่อัพเดต iPhone ตัวเองเป็น iOS 5 แล้ว, หรือไปหา iPhone4S มาไว้ในครอบครองได้แล้ว, แต่ยังงงอยู่ว่ามีอะไรใหม่บ้างแล้วจะใช้งานมันยังไง อ่านตามนี้เลยครับ
1. Notification: ระบบ การเตือนแบบใหม่ ที่ไม่ออกมาบังทั้งหน้าจอเหมือนเดิม และมีการเก็บ log ไว้ดูได้ว่ามีเตือนอะไรไปแล้วมั่ง มีสรุปรายการเตือนไว้ที่หน้า Lockscreen , โดยรวมแล้วแทบจะเหมือนกับ Mobile Notifier เลย (ก็เพราะ Apple ลงทุนจ้าง คนพัฒนา Mobile Notifier เป็นพนักงานประจำของ Apple เลยไง)
วิธีการใช้งาน: ที่หน้าจอ Springboard (หน้าจอใช้งานปกติที่มี icon App น่ะแหละ) ให้เอานิ้วลากจากด้านบนของหน้าจอลงมา
2. Newsstand: เหมือนๆ กับ iBook ที่ไว้ดูหนังสือหรือพวก pdf , แต่ Newsstand เป็นชั้นหนังสือ มีไว้สำหรับพวกนิตยสารรายเดือน,รายสัปดาห์ ที่ไม่ใช่เล่มเดียวจบ
วิธีการใช้งาน: Newsstand เป็น App นึง…. เมื่อลง iOS5 เสร็จ Newsstand ก็จะถูกลงมาด้วยอยู่แล้วครับ… หาเอา
3. Twitter Integration Everywhere : การรวมเอา Twitter ไว้ทุกที่ในระบบ เช่น เราสามารถ Share รูป , แผนที่, Youtube ไป Twitter ได้ง่ายๆ
วิธีการใช้งาน:
- ให้เราไปกรอก Twitter Account ที่เราต้องการใช้งานก่อน โดยเข้าไปที่ Settings/Twitter (หมายถึงให้กดที่ icon Setting แล้วก็หา Twitter)
- แล้วก็เลือก “Add Account” เพื่อใส่ Twitter Account ของเราตามสะดวก (สามารถใช้ได้มากกว่า 1 Account)
- เสร็จแล้ว
- แล้วเวลาใช้งาน App ต่างๆ เช่น Photos, Youtube, Maps, Safari เราก็สามารถ Tweet ได้
4. Safari แบบใหม่: Safari ที่เพิ่มความสามารถใหม่ สามารถจัดหน้าเว็บต่างๆให้พอดีกับหน้า iPhone, iPad เราได้ สามารถดึงบทความที่มีหลายๆหน้ามาอยู่รวมหน้าเดียวกันเพื่ออ่านต่อเนื่องได้ (ปกติเราต้องคลิ๊ก link เพื่ออ่านหน้าต่อไป) , และสามารถ save เป็น list ไว้สำหรับอ่านแบบ offline ได้และสามารถ Sync ระหว่าง iDevice ได้, มี tab แล้ว สามาถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจากหลายๆหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว
วิธีการใช้งาน:
- สำหรับ iPhone ยังไม่มี tab นะครับมีแต่ save ไว้อ่านได้ “Add to reading list”
- ความสามารถที่ดึงบทความที่มีหลายๆหน้า(หรือหน้าเดียว) และจัดรูปแบบให้เหมาะสำหรับการอ่านนั้นดีเกินคาด เราสามารถอ่านได้ง่ายขึ้นเยอะเพราะ Safari จัดอักษรให้พอดีกับหน้า เวลาอ่านเราก็เลยลงอย่างเดียว อ่านไม่ออกเพราะตัวอักษรเล็ก เราก็สามารถกดปุ่มเพิ่มขนาดตัวอักษรได้แล้ว Safari ก็จะจัดหน้าให้ใหม่ให้พอดีหน้าเหมือนเดิม ไม่เหมือนกับหน้าเว็บปกติที่เราต้องเลื่อนหน้าไปซ้ายทีขวาที กดzoomขยายเพราะตัวอักษรเล็กเกินไป , สามารถใช้งาน feature นี้ได้โดยกดปุ่ม “reader” ตรงข้างๆกัน URL เวลาหน้าเว็บโหลดเสร็จแล้ว
5. Reminder: มี App ใหม่ชื่อ Reminder ไว้สำหรับสร้างรายการเตือนและตั้งให้เตือนตามเวลาได้ แต่ที่พิเศษคือสามารถตั้งให้เตือนตามตำแหน่งสถานที่ได้ (เช่นเตือนเมื่อเรามาถึงแถวบ้าน หรือออกจากแถวที่ทำงาน)
วิธีการใช้งาน: Reminder ก็เป็น App นึง…. เมื่อลง iOS5 เสร็จ Reminder ก็จะถูกลงมาด้วยอยู่แล้วครับ… หาเอา
6. Photo และ Camera แบบใหม่: มี Shortcut ในหน้า lockscreen ที่กดแล้วจะเป็นการเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปได้เลย(ไม่ต้อง unlock), สามารถใช้ปุ่มเพิ่มเสียง (+) ในการกดถ่ายภาพได้ (ไม่ต้องกดที่หน้าจอแล้ว) แล้วใน Photo ก็เพิ่มความสามารถในการตกแต่งภาพอย่างง่ายๆได้ เช่น ปรับแสง, ปรับสี, ทำภาพให้คม, แก้ตาแดง, Crop ภาพได้
วิธีการใช้งาน:
- เข้าApp กล้องจากหน้าจอ lockscreen โดยการกดปุ่ม home 2 ครั้งติดๆกัน …. ปุ่มรูปกล้องก็จะปรากฏขึ้นมาข้างๆกับปุ่ม Slide (Slide เพื่อเข้าใช้งาน iPhone จากหน้าจอ Lockscreen)
- พอกดแล้วปุ่มรูปกล้องแล้วเราก็จะเข้าสู่ App Camera ได้ทันที และเราสามารถใช้ปุ่ม “+” (ปุ่มเพิ่มเสียง) ในการกดถ่ายได้
- ส่วนความสามารถในการตกแต่งภาพนั้น , เวลาเราดูรูปก็จะมีเมนูเพิ่มขึ้นมาด้านขวาบน “Edit” เมื่อเรากดเข้าไปเราก็สามารถแต่งรูปแบบง่ายๆได้
7. Mail แบบใหม่: รอง รับ Rich Text สามารถปรับแต่ขนาดตัวอักษร สีตัวอักษรได้ , สามารถแยก mail เป็นช่วงๆได้เมื่อมีการตอบไปตอบมาหลายๆครั้ง ,สามารถลาก email address ไปมาได้ ระหว่าง To, CC, Bcc, สามารถใส่ flag ได้, สามารถ Swipe เพื่อเข้าไปที่ Inbox ได้
วิธีการใช้งาน:
สามารถปรับรูปแบบตัวอักษร เป็นแบบตัวหนา ตัวเอียง และตัวขีดเส้นใต้ได้โดย
- กดที่ตัวอักษรที่เราต้องการจะเปลี่ยนรูปแบบค้างไว้แป๊ปนีง จะมีเมนูขึ้นมาว่า “Select” หรือ ” Select all” เราก็เลือกแล้วแต่เรา
- เมื่อเราเลือกเสร็จก็จะมีเมนูขึ้นมาอีกว่า “Cut”, “Copy” ”Suggest” และ “->” ให้เราเลือก “->”
- แล้วเราก็จะเห็น B I U … (ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้) ก็เลือกเอาตาสะดวกเลยครับ
สามารถแยก mail เป็นช่วงๆได้เมื่อ email นั้นมีการตอบไปด้วยมา
- ตามรูปเลยครับ แยกการส่งแต่ละครั้งด้วยสี และเส้น
การใส่ flag
- เมื่อเราอยู่ที่หน้า mail (ไม่ได้อยู่ในข้อความ) ให้เราเลือกเมนู “edit” ด้านขวาบน
- เลือก email ที่ต้องการจะใส่ flag และเลือก “mark” ด้านขวาล่าง
- email นั้นก็จะมีรูปธงสีส้มขึ้นมา
8.ไม่ต้องต่อกับเครื่อง Computer อีกต่อไป: หมาย ความว่าเครื่องใหม่ตั้งแต่ซื้อมา ไม่ต้องต่อกับ itunes เพื่อ Activate , การ update iOS ก็ไม่ต้อง update ผ่าน itunes ,สามารถ update ผ่าน Wireless ของตัวเครื่อง iphone ได้เองเลย, ส่วน iOS เวอร์ชั่นใหม่ก็เป็นแบบ Download เฉพาะส่วนที่เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มขึ้นมา ไม่ต้อง Download iOS ทั้งหมด
- ตามนั้นแหละครับ
9 .Game Center แบบใหม่: แสดง คะแนนได้, สามารถดูข้อมูลเพื่อนของเพื่อนได้, ใส่รูปเราใน Profile ได้, Game Discovery, Download เกมส์ได้ใน Game Center เลย, สนับสนุนเกมส์ที่เล่นเป็นตาๆ เช่น Scrabble
- ตามนั้นแหละครับ
10. iMessage: App ใหม่ ที่จะเป็นส่ง Message ได้ฟรีระหว่าง iDevice เท่านั้น (ข้าม Platform ไป Android, BB ไม่ได้) … BB ตายแน่คราวนี้
- นอกจาก BB จะตายเพราะคนหันมาใช้ iPhone กันหมดแล้ว , Whatapps ก็คงจะเสีย User ไปไม่น้อย (ตอนนี้ Whatapps เปิดให้โหลดฟรีแล้ว) แต่ Whatapps ยังมีข้อได้เปรียบเพราะเป็น messenger แบบที่ใช้ได้หลาย platform มีทั้งใน Android และ BB ดังนั้นก็คงไม่เสีย User กลุ่มนี้ไป แต่ก็อาจจะเสียกลุ่มคนที่เล่นเฉพาะใน iDevice ไป
วิธีใช้งาน: iMessage อยู่ใน message เหมือนเดิมแหละครับ เพียงแต่ถ้าเราส่งไปที่เบอร์หรือ email ที่ลงทะเบียนไว้กับ iMessage , iMessage จะส่งข้อความแบบ iMessage (ไม่เสียตังค์) ให้แทนที่จะเป็น SMS หรือ MMS , เราสามารถสังเกตได้โดย ” ข้อความเป็นสีฟ้า = iMessage” , ” ข้อความเป็นสีเขียว = SMS/MMS)
วิธีเปิดใช้:
- เข้าไปที่ Settings/message
- เลือก iMessage ให้เป็น “on” (ปกติจะ on อยู่แล้ว)
- และใส่ email หรือ Apple ID, เบอร์โทรศัพท์ (2อย่างหลังเป็น Default) ของเราที่จะให้คนอื่นติดต่อได้ผ่าน iMessage , เวลาคนอื่นส่ง message มาที่ email นี้หรือเบอร์นี้ message ก็จะส่งหาเราแบบ iMessage แทน
11. Dictionary Everywhere: สามารถเปิด Dictionary ได้จากทุกที่ มีประโยชน์มากตอนอ่านหนังสือ
วิธี ใช้งาน: ไม่ว่าเวลาเราจะอยู่ใน Safari , Notes, iBook หรือ Newsstand เราสามารถเปิด Dictionary ดูคำแปลได้ (อังกฤษเป็นอังกฤษ) โดยให้กดค้างไว้ที่คำที่เราต้องการรู้ความหมายสักพัก เสร็จแล้วก็จะมีเมนูขึ้นมา ให้เราเลือก ”Define”(ใน Safari, Notes) หรือ “Dictionary” เพื่อดูคำแปล
12. Sync กับ iTunes แบบไร้สายผ่าน WiFi ได้
วิธีการใช้งาน:
- เปิดการใช้งานโดยให้เราต่อ iPhone เข้ากับ Computer ที่เราจะ Sync ด้วย (ด้วยสายก่อน)
- เปิด iTunes
- เมื่อ iTunes ตรวจเจอ iPhone แล้ว ให้เราเลือกไปที่ iPhone หน้า Summary
- แล้วเลื่อนหน้าลงมา !!!อันนี้สำคัญมาเพราะตอนแรกผมก็หาไม่เจอ พอเลื่อนหน้าลงมาแล้วเราจะเจอหัวข้อ “Options”
- แล้วก็ให้เราติ๊กเลือก Sync ผ่าน Wifi , “Sync with this Phone over Wifi”
- กด Sync ผ่านสายก่อนทีนึงหลังจาก Sync เสร็จคราวต่อไปก็ Sync ผ่าน WiFi ได้เลย
วิธี Sync ผ่าน Wifi
- ต่อComputer เราเข้ากับ Wifi และเปิด iTunes
- ต่อ iPhone เข้ากับ Wifi (ต้องเป็น Wifi อันเดียวกันกับที่เราใช้ต่อ Computer) และเข้าหน้า Settings/General/iTunes Wi-Fi Sync
- กด “Sync Now”
13. Advanced Gesture: เรา สามารถใช้ 2 นิ้ว 3 นิ้ว 4 นิ้ว 5 นิ้วเป็น Gesture ได้ เช่น วางทั้ง 5 นิ้วไว้บนหน้าจอแล้วลากลงด้านล่างจะเป็นการกลับไปที่หน้า Springboard , หรือถ้าลากไปซ้ายหรือขวาจะเป็นการเปลี่ยนไป App ก่อนหน้าหรือหลังจาก App ที่เราใช้งานอยู่
- อันนี้ใช้ได้แต่ใน iPad
14. Find my iphone: เอาไว้หา iDevice ของเราว่าอยู่ที่ใดบนโลกนี้
- อันนี้ต้องไปโหลด App เอาเอง ไม่ได้แถมมาด้วยตอนลง iOS5 , โหลดได้ที่นี่ ฟรี!!!
15. Find my friends: เอาไว้หาเพื่อนของเราว่าอยู่ในใดบนโลกนี้ (เค้าต้อง
- อันนี้ต้องไปโหลด App เอาเองเหมือนกัน ไม่ได้แถมมาด้วยตอนลง iOS5 , โหลดได้ที่นี่ ฟรี!!!
16. Cards: App ตัวใหม่(ฟรี)จาก Apple ที่ให้เราสร้างการ์ดง่ายๆได้บน iPhone โดยเลือกจาก Template ที่มีถึง 21 แบบ 6 กลุ่ม และเราสามารถใส่รูปจาก iPhone และพิมพ์ข้อความเพิ่มได้ พอสร้างเสร็จแล้วเราสามารถกดส่งไปให้ Apple ทำการพิมพ์และส่งการ์ดในไปให้คนทั่วโลกได้ โดย Apple คิดราคาที่ $2.99 สำหรับการส่งในอเมริกา และ $4.99 สำหรับที่อื่นๆทั่วโลก
- อันนี้ต้องไปโหลด App เอาเองเหมือนกัน ไม่ได้แถมมาด้วยตอนลง iOS5 , โหลดได้ที่นี่ ฟรี!!!
17. Siri: โปรแกรมผู้ช่วยส่วนตัว (Personal Assistant) ที่สามารถทำอะไรๆให้เราได้ โดยเราแค่ถามหรือบอกกับ Siri เท่านั้น วิธีการใช้งานก็คือ
- เสียใจด้วยถ้าคุณไม่ได้ใช้ iPhone 4S , iDevice เครื่องอื่นๆยังไม่สามารถใช้ Siri ได้ ไม่ว่าจะ iPhone4 , iPad2 ยังใช้ Siri กันไม่ได้ทั้งนั้น
และที่บอกว่ายังก็เพราะว่า ทางทีมงาน Hacker กำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อจะเอา Siri มาลง iDevice เครื่องอื่นกันใครได้ ไม่ต้องกลัวไม่ได้ใช้เร็วๆนี้แหละ
ส่วนใครที่มี iPhone4S แล้ว , สามารถใช้งานได้ตามนี้
- การเรียกใช้งาน Siri ด้วยการ กดปุ่ม home ค้างไว้ 2-3 วินาที
- เราสามารถถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อพวกนี้ได้ weather, time, alarm clock, yelp location, maps, read/reply message, calendar, reminders, web searching, wiki, dictionary, current exchange rate, call, music, email, stock, note, contact นอกจากนั้นยังสามารถแปลคำพูดให้เป็นตัวอักษรได้ด้วย (Dictation)
- แล้ว Siri จะหาคำตอบ หรือทำตามอย่างที่เราบอกไว้
- แต่เราสามารถพูดกับ Siri ได้ด้วย แค่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน เท่านั้น … ใครพูดแล้ว Siri ไม่เข้าใจ เราไปฝึกพูดภาษาอังกฤษกัน
18. AirPlay Mirroring: เหมือน กับ Airplay ที่มีอยู่แล้วใน iOS4 ที่สามารถส่งเพลงหรือวีดีโอไปเล่นกับเครื่องเล่น(สเตริโอหรือทีวี) ที่รองรับระบบ Airplay ผ่าน Wifi ได้แบบ Real time แล้ว , แต่ AirPlay Mirroring จะทำให้อุปกรณ์ที่รองรับแสดงผลทุกอย่างเหมือนกันที่ iPhone แสดง (ไม่ได้จำกัดแค่เพลงหรือวีดีโอแล้ว)
รองคิดถึงความสามารถใหม่ที่เอา Airplay Mirroring ไปใช้สิครับ เช่น เอาไปต่อกับ TV เพื่อเล่นเกมส์ , iphone หรือ iPad เราก็จะเป็นแค่ Joystick ที่ใช้ควบคุมเกมส์เท่านั้น เวลาเราดูเราก็ดูผ่านจอ TV แบบใหญ่สะใจ , แถม Joystick อันนี้ยังมี Accelerometer และ Gyroscope Sensor อีกต่างหาก
- อันนี้ก็เหมือนกันครับ iPhone 4 หมดสิทธ์, มีแค่ iPad2 แล้วก็ iPhone 4S เท่านั้นที่ใช้ได้ตอนนี้, รอกันต่อไป
- ส่วนใครที่มี iPad2 หรือ iPhone 4S แล้ว วิธีใช้ก็คือให้ double click ที่ปุ่ม home สองครั้ง เหมือนต้องการจะเปลี่ยน App แต่ให้ Slide ไปด้านขวาเรื่อยๆจนเจอ เมนูที่ใช้เปิดปุ่มเดินหน้าถอยหลังเพลง , แล้วข้างๆมันก็จะมีปุ่ม AirPlay Mirroring
Credit :eak500